บทความจาก https://workpointtoday.com/covid19-in-children/
เมื่อลูกติดโควิด-19 ต้องทำอย่างไร รวบรวมแนวปฏิบัติสำหรับพ่อ แม่ ผู้ปกครอง มาเล่าให้ฟังค่ะ
ข้อมูลปัจจุบันพบว่า เด็กส่วนใหญ่ติดโควิด-19 มาจากผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะคนในครอบครัว
วิธีสังเกตอาการของเด็กที่มีความเสี่ยงว่าจะติดเชื้อ คือ มีไข้หลายวัน ไอแห้ง เจ็บคอ อาจมีหรือไม่มีน้ำมูกก็ได้ มีผื่นแดง ปวดเมื่อยตัว เบื่ออาหาร
แม้การติดเชื้อโควิด-19 ในเด็กส่วนใหญ่กว่า 90% จะมีอาการไม่รุนแรง แต่กลุ่มที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี และเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เพราะเด็กๆ กลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะป่วยหนัก ปอดอักเสบ ระบบหายใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิต
ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ผู้ใหญ่ควรงดสัมผัสหรือหอมแก้มเด็กเล็กโดยไม่จำเป็น
ในกรณีที่มีผลตรวจยืนยันแล้วว่า “ติดเชื้อ” เด็กๆ จะต้องถูกส่งตัวไปรักษาและกักตัวที่โรงพยาบาล เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน ซึ่งการกักตัวสำหรับเด็กมีความซับซ้อนกว่าเคสของผู้ใหญ่ในเรื่องของจิตใจ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ต้องแยกห่างจากพ่อ แม่ ผู้ปกครอง
แพทย์แนะนำว่า เมื่อเด็กต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ควรมีคนเฝ้า เพื่อไม่ทำให้เด็กรู้สึกเคว้งคว้าง โดยผู้เฝ้าควรมีร่างกายแข็งแรง ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคประจำตัว และผู้เฝ้าจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา รวมถึงปฏิบัติตัวตามข้อกำหนดของโรงพยาบาล
อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เมื่อรู้ผลตรวจแล้วว่า “ติดโควิด” ก็อาจจะต้องใช้เวลารอเตียงอีกหลายวัน
ระหว่างนั้นพ่อ แม่ ผู้ปกครอง สามารถดูแลเด็กๆ อยู่ที่บ้านได้โดย
- สวมหน้ากากอนามัยทั้งตนเองและลูก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ยกเว้นกรณีเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี
- ให้ลูกล้างมือบ่อยๆ
- แยกห้องอยู่ แยกของใช้ส่วนตัว แยกรับประทานอาหาร และหากเป็นไปได้ควรแยกห้องน้ำ
- งดทำกิจกรรมร่วมกัน งดให้คนอื่นมาเยี่ยม สำหรับพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ควรออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น
- สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องไม่ลืมสื่อสาร อธิบายให้เด็กๆ เข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไมต้องทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพื่อทำให้เด็กๆ ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
ในทางกลับกัน หากพ่อ แม่ ผู้ปกครองติดเชื้อและต้องเข้ารักษาตัว ก็ไม่ควรปล่อยให้เด็กๆ อยู่บ้านตามลำพัง ควรฝากญาติช่วยดูแล หรือถ้าญาติไม่สะดวกจริงๆ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง สามารถขอคำแนะนำจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในจังหวัดนั้นๆ ได้