สมาธิสั้น นับเป็นหนึ่งในโรคที่พ่อแม่ผู้ปกครองต่างให้ความกังวลอยู่ไม่น้อย คนที่อยู่ในภาวะนี้จะมีลักษณะซุกซน อยู่ไม่นิ่ง หุนหันพลันแล่น ขาดความยับยั้งชั่งใจ หากเด็กมีอาการดังกล่าว จะทำให้ตัวเด็กเกิดปัญหาในด้านการเรียน การเข้าสังคม รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
หลายครอบครัวที่กำลังประสบปัญหานี้ล้วนต้องการให้ลูกของตนได้รับการรักษาจนหายขาด เพื่อที่เขาจะได้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ มีสมาธิในการเรียนมากขึ้น และสามารถพัฒนาตัวเองเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ทั่วไปได้ ดังนั้น เพื่อที่จะทำให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น วิธีที่จะแก้ปัญหาครั้งนี้ได้ก็คือ การเพิ่มสมาธินั่นเอง
หากจะขยายความอีกว่าการเพิ่มสมาธิคืออะไร เราจะได้ความว่า คือการเพิ่มช่วงความสนใจ ความตั้งใจที่จดจ่อกับการทำกิจกรรมที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่วอกแวก มีความรอบคอบและทำงานตรงหน้าจนเสร็จสิ้นได้ มาดูกันว่าจะมีแนวทางในการปฏิบัติอย่างไรบ้าง
การลดสิ่งเร้า
สิ่งเร้ารอบตัวเราหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นเสียงหรืออินเทอร์เน็ต ล้วนมีอิทธิพลต่อการดึงดูดความสนใจของเด็กทั้งสิ้น โดยสิ่งเร้าเหล่านี้จะส่งผลให้เด็กเสียสมาธิจากการทำกิจกรรมตรงหน้า ดังนั้น เราควรจะหาสภาพแวดล้อมที่ไม่มีสิ่งเร้าต่าง ๆ มารบกวนลูกดังต่อไปนี้
หาสถานที่เงียบ ๆ ให้ลูกทำงาน
สถานที่สำหรับให้ลูกทำงานทำการบ้าน อาจจะเป็นห้องที่ไม่มีเสียงรบกวนจากคนอื่น ไม่มีเสียงโทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้แต่โทรศัพท์ ของตกแต่งในห้องก็ควรมีจำนวนน้อยชิ้น ไม่ควรมีตู้กระจกที่มีของเรียงรายที่เห็นได้จากภายนอก และไม่ควรมีของที่ดึงดูดให้เด็กรู้สึกวอกแวกได้ เช่น หนังสือการ์ตูน ของเล่น เป็นต้น
พยายายามให้ลูกอยู่ในสภาแวดล้อมที่มีสิ่งกระตุ้นน้อยที่สุด
ในชีวิตประจำวันควรให้ลูกได้อยู่ในสถานที่ที่สงบบ้าง อย่างในช่วงพักผ่อน ก็ควรให้ลูกพักผ่อนในสถานที่ที่เงียบสงบ ไม่มีคนพลุกพล่าน หรือในช่วงนอนหลับ ก็ควรให้นอนในห้องที่เงียบ
ในกรณีต้องการจะพาลูกไปเที่ยวข้างนอกแต่ลูกมีอาการสมาธิสั้น พ่อแม่ควรเลี่ยงสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านหรือสิ่งเร้ามากเกินไป เพราะสภาพแวดล้อมลักษณะนี้จะกระตุ้นให้เด็กซุกซน อยู่ไม่นิ่ง ทำให้พ่อแม่ควบคุมดูแลได้ยาก พ่อแม่ควรพาเขาไปสถานที่ที่สงบอย่างชนบท หรือสวนสาธารณะที่ไม่มีคนพลุกพล่าน ซึ่งสถานที่เหล่านี้จะมีธรรมชาติรายล้อม มีส่วนช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดได้
ไม่ควรให้เด็กดูโทรทัศน์หรืออินเทอร์เน็ตมากเกินไป เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กขาดสมาธิได้ ยิ่งกว่านั้น ทั้งในโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ตต่างมีภาพความรุนแรงอยู่มากพอสมควร ซึ่งอาจส่งผลกระตุ้นให้เด็กลอกเลียนแบบทำตามก็เป็นได้ พ่อแม่ควรช่วยกันคัดกรองสื่อว่าอะไรที่เด็กดูได้ดูไม่ได้บ้าง
การเพิ่มสมาธิ
สำหรับแนวทางการเพิ่มสมาธิให้กับเด็กสมาธินั้นมีอยู่มากมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับธรรมชาติตามวัยของตัวเด็กและความถนัดของผู้ปกครอง สิ่งสำคัญในการปฏิบัติครั้งนี้ก็คือเด็กต้องรู้สึกสนุกและท้าทายด้วย โดยวิธีการเพิ่มสมาธิให้กับลูกของคุณนั้นมีดังต่อไปนี้
ช่วยแบ่งขั้นตอนการทำงานให้กับลูก
ด้วยความที่เด็กสมาธิสั้นไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้นาน การแบ่งย่อยงานและขั้นตอนในการทำงานจะช่วยทำให้ลูกทำงานได้สำเร็จลุล่วง เมื่อทำสำเร็จแล้วครั้งหนึ่ง พ่อแม่ควรค่อย ๆ เพิ่มงานให้นานขึ้น เมื่อทำตามนี้ไปเรื่อย ๆ เด็กจะมีสมาธิจ่อจดต่อการทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้นานขึ้นและทำจนเสร็จสิ้นได้มากขึ้น
หลังจากลูกทำงานเสร็จ พ่อแม่ควรให้คำชื่นชมแก่ลูกเพื่อให้เขารู้สึกภาคภูมิใจในตนเองและมีกำลังใจที่จะปฏิบัติในครั้งต่อไป
การกำกับลูกแบบตัวต่อตัว
หากถามว่าการกำกับลูกแบบตัวต่อตัวคืออะไร มีลักษณะการปฏิบัติอย่างไร มันก็คือการที่พ่อแม่ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลใช้เวลาดูแลลูกในการทำกิจกรรม โดยการเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ ลูก คอยกำกับเด็กแบบตัวต่อตัว ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้ลูกมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำตรงหน้าได้มากขึ้น
ในขณะที่กำกับลูกอยู่ อย่าปล่อยให้ลูกทำงานคนเดียวเพราะลูกอาจใจลอยได้ พ่อแม่ควรดูแลอยู่เงียบ ๆ และคอยถามเป็นระยะ ๆ เพื่อดึงสมาธิของลูกกลับมา
การหัดให้ลูกนั่งทำงานอย่างต่อเนื่อง
การนั่งทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นวิธีการที่ให้เด็กนั่งทำงานที่อยู่ตรงหน้าไปเรื่อย ๆ จนครบเวลาที่กำหนด ในการฝึกควรจะมีนาฬิกาเพื่อวัดผลการฝึกด้วย หากเด็กสามารถทำสำเร็จได้แล้วครั้งหนึ่ง ครั้งถัดไปก็เพิ่มเวลาในการฝึกให้มากขึ้นเล็กน้อย เพื่อเป็นการพัฒนาสมาธิของเด็กให้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เด็กจะนั่งได้นานขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและอายุของเด็ก
การนั่งสมาธิ
การนั่งสมาธิก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาอาการสมาธิสั้นได้ สำหรับการฝึกด้วยวิธีการนี้ จะให้ผู้ปฏิบัตินั่งสงบนิ่งและหลับตา กำหนดลมหายใจ ในอีกด้าน อาจดัดแปลงการนั่งสมาธิโดยให้ลูกนั่งสงบหลับตาและฟังเพลงเบา ๆ โดยไม่มีสิ่งรบกวน
การทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานอย่างสร้างสรรค์
เด็กสมาธิสั้นนั้นส่วนใหญ่มักเป็นเด็กที่พลังงานมากมาย ดังนั้น การให้เด็กได้ทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานอย่างการออกกำลังกาย ก็ฟังดูเป็นตัวเลือกที่ดีเลย การได้ออกกำลังกายมาเหนื่อย ๆ จะช่วยให้เด็กมีสมาธิสั้นดีขึ้น วุ่นวายน้อยลง และยังเป็นการสร้างวินัยให้เด็กได้ด้วย
สำหรับการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างสมาธิให้ดีขึ้นนั้น ก็จะมีการวิ่งและว่ายน้ำ ซึ่งการออกกำลังกายลักษณะนี้จะเป็นการทำคนเดียว ไม่มีคนอื่นมาทำให้วอกแวก ทำให้เรามีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำนั่นเอง
การกำหนดจุดสนใจ
วิธีการนี้คือการสอนให้ลูกสังเกตุถึงจุดเด่นของสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นของสถานที่หรือสิ่งของ โดยพ่อแม่จะถามเด็กว่าเห็นอะไรบ้าง เพื่อให้เด็กตอบในสิ่งที่สังเกตเห็น เช่น เมื่อเห็นรถคันหนึ่งผ่านมา เด็กจะสังเกตเห็นป้ายทะเบียนรถ สีของรถ เป็นต้น
เพิ่มกิจกรรมสร้างสมาธิที่หลากหลาย
หากฝึกสมาธิให้ลูกจากการทำงานสำเร็จแล้ว การให้ฝึกจากกิจกรรมอื่นเสริมเข้าไปด้วย ก็ช่วยให้ประสิทธิภาพของสมาธิเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างการทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น เล่นกีฬา หรือกิจกรรรมที่ไม่เคลื่อนไหวมาก เช่น การวาดรูป ถูบ้าน เป็นต้น